ตั้งแต่ได้ดูเทรลเลอร์หลักของหนังเรื่อง เธอกับฉันกับฉัน ผมก็รู้สึกว่ามันต้องมีอะไรพิเศษบางอย่าง เพราะสัมผัสได้ถึงความทัชความใกล้ตัวมากกว่าหนัง GDH ยุคหลังๆ จึงตั้งความหวังกับมันพอสมควร ทั้งๆ ที่ปกติจะไม่ค่อยอยากจะตั้งความหวังกับภาพยนตร์ที่ตัวเองรู้จักไม่ค่อยเยอะ แต่กับ เธอกับฉันกับฉัน มันเหมือนมีคนมากรอกหูอยู่ตลอดเวลาว่า “ยังไงก็ดี เชื่อเหอะ”
แล้วมันก็ดีจริงๆ ไง อาจไม่ถึงขั้นสุดยอดหนังไทยในดวงใจ แต่ในภาพรวมคือมันเป็นหนังไทยเปิดปีที่ดีมากๆ เรื่องหนึ่ง มีความถ่อมตน ธรรมชาติ ไม่ทะเยอทะยานเกินตัว เหมือนหนังทบทวนตัวเองของ GDH ที่อยากจะตบตัวเองให้เข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง ผมเห็นรีวิวหลายคนที่บอกว่ามันคือ “แฟนฉัน” ยุคใหม่ สำหรับผมมันอาจไม่ถึงขั้นนั้นเพราะ “แฟนฉัน” คือความยูนีคที่ยากจะหาใครมาโค่น แต่ก็เช่นกันที่ความถ่อมตัวและจริงใจของเรื่องนี้นั้นยากจะมองข้าม และการแสดงของน้องใบปอ ธิติยา จิระพรศิลป์ ก็มหัศจรรย์จนยกระดับให้ เธอกับฉันกับฉัน กลายเป็นหนังไทยประจำต้นปีที่ไม่อยากให้พลาด
เธอกับฉันกับฉัน เล่าเรื่องราวของยูกับมี ฝาแฝดที่แทบจะก็อปปี้กันมา และมักจะใช้ประโยชน์จากความหน้าเหมือนของตัวเองในแบบที่ฉลาดแกมโกงหน่อยๆ วันหนึ่งในปี 1999 ท่ามกลางข่าวว่าโลกจะแตกในปีหน้า ครอบครัวที่กะท่อนกะแท่นของพวกเธอก็พาทั้งคู่มาสู่นครพนม ที่ๆ พวกเธอ จะได้เติบโต มีความรัก หึงหวง และเจ็บปวด ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถจะแชร์ให้กันได้เป็นครั้งแรก
อย่างที่บอกว่าหนังถ่อมตัวไม่ทะเยอทะยานเกินไป ซื่อตรงกับสิ่งที่มีและพยายามนำเสนอสิ่งนั้นออกมาให้ดีที่สุด เธอกับฉันกับฉัน เล่นประเด็นความขัดแย้งของความเป็นแฝด ความสัมพันธ์ในครอบครัว รักสามเส้า ภายใต้ภาวะความประหวั่นว่าโลกจะแตกแบบบางๆ ที่คนยุคนั้นรู้สึกกัน มันจึงไม่มีอะไรโอเวอร์หรือเกินเลย ลามไปถึงการเดาความเป็นไปของเนื้อเรื่องได้แบบทะลุปรุโปร่ง แต่ถ้าคุณเคยได้ยินโควตประมาณ “ในการเดินทาง เป้าหมายไม่สำคัญเท่ากับเรื่องราวที่เจอระหว่างทาง” ล่ะก็ เรื่องนี้ก็ประมาณนั้นแหละ ถึงจะรู้ว่าต้องจบอย่างไร แต่การเล่าเรื่องเพื่อไปให้ถึงจุดนั้นก็งดงามเกินจะมองข้ามจริงๆ
ในแง่ของการแสดง “ใบปอ” ธิติยา จิระพรศิลป์ คือคนที่ฉายแสงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย การเล่นเป็นฝาแฝดยูกับมี โดยที่ผู้ชมสามารถแยกออกได้ในเวลาไม่นานนั้นถือเป็นอัจฉริยภาพที่น่าชื่นชม เพราะแม้ตัวละครจะบอกโต้งๆ ว่าจุดต่างอยู่ที่ใฝ และถ้าสังเกตดีๆ ก็จะมีทรงผมด้วย แต่ผมว่าสิ่งที่ชัดเจนที่สุดในการแยก 2 ตัวละครนี้ออกจากกัน คือบุคลิก สีหน้า แววตา ท่าทาง และน้ำเสียง ที่แทบจะกลายเป็นคนละคนแบบคอมพลีทลี่ไปเลย ตรงนี้สุดยอดมากๆ กระนั้นก็ต้องยกความดีความชอบให้ทีมถ่ายทำ และวิช่วลเอฟเฟกต์ที่ทำออกมาได้เนียนกริ๊บมากๆ ด้วยเช่นกัน เพราะมันช่วยส่งเสริมให้เรารู้สึกว่าทั้งคู่เป็นฝาแฝดจริงๆ ในขณะที่น้องพระเอกอย่างอันโทนี่ก็ทำได้ไม่เลวเลย อาจไม่ได้ปล่อยพลังขนาดใบปอ แต่ดูดีมีอนาคตเลยแหละ
เรื่องให้ติมันมาแนวเทสต์ส่วนตัวกับไดเรคชั่นของเนื้อเรื่องที่พาตัวละครไปอยู่ในจุดที่รู้สึกติดนิดหน่อย กับความสัมพันธ์ของแฝดที่อยากให้ขยี้เพิ่มอีกนิด เพราะผมที่ไม่มีแฝดสามารถรับรู้ได้แล้วว่าความสัมพันธ์แบบนี้ไม่เหมือนกับพี่น้อง แต่มันก็ยังส่งไม่พอที่จะทำให้ผมดิ่งในตอนท้าย อีกเรื่องที่น่ากังวลคือคนที่ไม่เกิดยุคนั้นจะเก็ตได้ขนาดไหน เพราะส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้โดนใจใครหลายคน ก็คือการจำลองโลกยุคคาบเกี่ยวระหว่างปี 1999-2000 ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศชวนคิดถึง และไอเทมอีสเตอร์เอ้กอีกเพียบ แบบว่าเคยผ่านมือมาแล้วทั้งนั้น จุดนี้ก็เป็นทั้งข้อดีและข้อเสียที่น่ากังวลสักหน่อย
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อยากจะย้ำคำเดิมว่า เธอกับฉันกับฉัน คือผลงานชั้นเยี่ยมอีกเรื่องหนึ่งในปีนี้ของวงการภาพยนตร์ไทยแน่นอน ใครที่อยากดูหนังสบายๆ เย็นๆ ดราม่าไม่หนักมาก และพาเรานั่งไทม์แมชชีนหวนคืนสู่เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วได้อย่างดี เธอกับฉันกับฉัน คือคำตอบที่รอให้คุณเข้าไปพิสูจน์ในโรงภาพยนตร์ครับ
VERDICT
8/10
ขอขอบคุณ Major Cineplex ที่เอื้อเฟื้อการรับชมภาพยนตร์ครั้งนี้ครับ
ดูรอบหนัง และจองตั๋วได้ คลิกที่นี่ https://www-frontend.majorcineplex.com/booking2/search_showtime/movie=1896